มือใหม่เริ่มต้นออมเงิน 40-40-20 อย่างไรให้ได้ผลจริง?

                        การออมเงินเป็นเรื่องสำคัญที่หลายคนอยากทำให้ได้ แต่กลับรู้สึกว่ายากเกินไปหรือทำไม่สำเร็จในระยะยาว หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมคือ สูตร 40-40-20 ซึ่งเป็นแนวทางบริหารเงินที่ช่วยให้คุณสามารถเก็บออม ใช้จ่าย และลงทุนได้อย่างสมดุล โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นสร้างวินัยทางการเงิน

แต่การออมเงินให้ได้ผลจริงไม่ใช่แค่รู้สูตร แต่ต้องเข้าใจและนำไปใช้ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า 40-40-20 คืออะไร และ ต้องเริ่มต้นอย่างไรให้ทำได้จริง


40-40-20 คืออะไร?

สูตร 40-40-20 เป็นการแบ่งรายได้ออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่

🔵 40% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าน้ำ-ไฟ ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

🟢 40% สำหรับการออมและการลงทุน ส่วนนี้ใช้สำหรับเก็บออมเพื่ออนาคต และนำไปลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงย เช่น เงินฝากประจำ กองทุนรวม หุ้น หรือสินทรัพย์อื่น ๆ

🟡 20% สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวและความสุข เช่น ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว กินอาหารนอกบ้าน หรือซื้อของที่อยากได้

แนวคิดนี้ช่วยให้คุณ มีเงินออม ใช้ชีวิตได้โดยไม่เครียด และสามารถใช้เงินเพื่อต่อยอดในอนาคต


มือใหม่ต้องเริ่มต้นอย่างไร?

1. คำนวณรายได้ของตัวเอง
ก่อนเริ่มใช้สูตร 40-40-20 คุณต้องรู้ก่อนว่า คุณมีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ อาจเป็นเงินเดือน รายได้จากงานเสริม หรือเงินที่ได้รับเป็นประจำ เมื่อได้ตัวเลขแล้วให้แบ่งออกตามสัดส่วน

2. จดบันทึกรายรับ-รายจ่าย
การจดบันทึกเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้คุณเห็นพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเอง ใช้แอปพลิเคชัน หรือจดใส่สมุดง่าย ๆ ว่าแต่ละเดือน คุณใช้เงินกับอะไรบ้าง แล้วลองดูว่าสามารถปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้ไหม

3. เปิดบัญชีแยกสำหรับการออมและลงทุน
เพื่อให้การออมมีประสิทธิภาพ ควรแยกบัญชีออกจากบัญชีใช้จ่ายหลัก เช่น

  • บัญชีเงินเดือน (สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น 40%)
  • บัญชีออมทรัพย์ หรือกองทุนรวม (สำหรับการออมและลงทุน 40%)
  • บัญชีรายจ่ายเพื่อความสุข (20%)

4. เริ่มต้นจากก้าวเล็ก ๆ และค่อย ๆ ปรับ
หากคุณรู้สึกว่ายังไม่สามารถออมเงินถึง 40% ได้ทันที ให้เริ่มจากเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำกว่า เช่น 10-20% แล้วค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเมื่อบริหารเงินได้ดีขึ้น

5. สร้างวินัยทางการเงิน

  • หักเงินออมทันทีที่ได้รับเงินเดือน
  • หลีกเลี่ยงการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
  • ลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้
  • ตั้งเป้าหมายการออม เช่น เก็บเงินก้อนแรกให้ได้ 100,000 บาทใน 1 ปี

เคล็ดลับทำให้ 40-40-20 ใช้ได้จริง

💡 ใช้ระบบอัตโนมัติ – ตั้งค่าหักเงินออมเข้าบัญชีทันทีที่ได้รับเงินเดือน
💡 ลดหนี้สินให้เร็วที่สุด – ถ้ามีหนี้ ควรจัดการให้ลดลงก่อนเพื่อให้มีเงินออมมากขึ้น
💡 หาช่องทางเพิ่มรายได้ – หากเงินเดือนยังไม่พอให้แบ่งตามสูตร ลองหารายได้เสริม
💡 ทบทวนแผนการเงินทุก 3-6 เดือน – ปรับตามสถานการณ์การเงินของคุณ


                       การออมเงินด้วยสูตร 40-40-20 เป็นวิธีที่ช่วยให้คุณบริหารเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีทั้งเงินใช้ เงินออม และเงินลงทุน สำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มต้น ขอให้เริ่มจากก้าวเล็ก ๆ สร้างวินัยการออม และใช้จ่ายอย่างมีสติ แล้วคุณจะสามารถสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคงได้ในระยะยาว


เหตุผลที่คนยุคใหม่ควรลองใช้วิธีออมเงิน 40-40-20

                      ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูง เศรษฐกิจผันผวน และรายจ่ายดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นทุกวัน การออมเงิน จึงกลายเป็นเรื่องสำคัญกว่าที่เคย แต่ปัญหาหลักของคนยุคใหม่คือ ไม่รู้จะเริ่มออมเงินอย่างไร หรือ พยายามออมแล้วแต่ไม่สำเร็จ

หนึ่งในวิธีออมเงินที่ได้รับความนิยมและสามารถปรับใช้ได้ง่ายคือ "สูตร 40-40-20" ซึ่งเป็นระบบจัดสรรเงินที่ช่วยให้คุณมีเงินเก็บ ลงทุน และใช้จ่ายได้อย่างสมดุล แล้วทำไมคนยุคใหม่ถึงควรลองใช้วิธีนี้?


ทำไมคนยุคใหม่ควรลองใช้วิธีออมเงิน 40-40-20?

1. รับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้ดี

ปัจจุบันค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การใช้เงินแบบไม่มีแผนหรือออมเงินแบบไม่มีระบบ อาจทำให้คุณต้องเผชิญปัญหาการเงินในอนาคต การใช้สูตร 40-40-20 จะช่วยให้คุณสามารถ จัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมั่นใจว่ามีเงินพอสำหรับใช้จ่ายในแต่ละเดือน

2. มีเงินออมและเงินสำรองฉุกเฉิน

หลายคนไม่มีเงินสำรองเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ตกงานกะทันหัน หรือมีค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน สูตรนี้ช่วยให้คุณมี เงินออมขั้นต่ำ 40% ของรายได้ ทำให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดได้ดีกว่า

3. สร้างนิสัยการลงทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ

การกันเงิน 40% ไปออมและลงทุนเป็นการสร้างวินัยทางการเงินที่ดี คนยุคใหม่ที่เริ่มต้นลงทุนตั้งแต่วันนี้ มีโอกาสสร้างความมั่งคั่งในอนาคต ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กองทุนรวม หุ้น หรือสินทรัพย์ดิจิทัล

4. ลดปัญหาหนี้สินและใช้ชีวิตแบบไม่เครียด

หนึ่งในปัญหาใหญ่ของคนรุ่นใหม่คือ ภาระหนี้สิน ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้บ้าน หรือหนี้รถ การจัดสรรเงินตามสูตรนี้ช่วยให้คุณ มีเงินพอสำหรับชำระหนี้และไม่ก่อหนี้ใหม่โดยไม่จำเป็น

5. ยังมีเงินใช้จ่ายเพื่อความสุข ไม่ต้องตึงเครียดเกินไป

การออมเงินไม่ได้หมายความว่าคุณต้องตัดทุกอย่างออกจากชีวิต สูตร 40-40-20 ยังเผื่อ 20% ไว้สำหรับความสุขส่วนตัว ไม่ว่าคุณจะชอบท่องเที่ยว กินของอร่อย หรือซื้อของที่ต้องการ ก็สามารถใช้จ่ายได้อย่างสบายใจ

6. ปรับใช้ได้กับทุกช่วงของชีวิต

สูตร 40-40-20 สามารถปรับให้เหมาะสมกับแต่ละคน ไม่ว่าคุณจะเป็นวัยเรียน วัยทำงาน หรือวัยเกษียณ คุณสามารถปรับเปอร์เซ็นต์ให้เข้ากับรายได้และไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

7. เริ่มต้นง่าย ไม่ซับซ้อน

ต่างจากระบบการเงินที่ต้องคำนวณซับซ้อน 40-40-20 เป็นสูตรที่เข้าใจง่าย และใช้ได้จริงกับทุกคน เพียงแค่แบ่งรายได้ออกเป็น 3 ส่วนเท่านั้น


                      การออมเงินแบบ 40-40-20 เป็นทางเลือกที่ ง่าย มีประสิทธิภาพ และเหมาะกับคนยุคใหม่ ที่ต้องการจัดการเงินอย่างเป็นระบบ สูตรนี้ช่วยให้คุณมี เงินใช้จ่าย เงินออม และเงินลงทุน โดยไม่ต้องรู้สึกว่ากดดันหรือฝืดเคืองเกินไป

หากคุณกำลังมองหาวิธีบริหารเงินที่ เริ่มต้นง่าย ปรับใช้ได้จริง และช่วยให้คุณมีอนาคตทางการเงินที่มั่นคง ลองเริ่มใช้ 40-40-20 ตั้งแต่วันนี้ แล้วคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงทางการเงินที่ดีขึ้นแน่นอน


วิธีปรับสูตร 40-40-20 ให้เหมาะกับรายได้และไลฟ์สไตล์ของคุณ

                       การออมเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงิน หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมคือ สูตร 40-40-20 ซึ่งช่วยให้คุณจัดสรรรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งเป็น 40% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น, 40% สำหรับออมและลงทุน, และ 20% สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว

อย่างไรก็ตาม แต่ละคนมีรายได้และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน บางคนอาจมีค่าครองชีพสูง บางคนอาจมีภาระหนี้สินที่ต้องจัดการ ดังนั้น สูตร 40-40-20 ไม่จำเป็นต้องตายตัว คุณสามารถ ปรับให้เหมาะสมกับตัวเอง ได้

ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำวิธี ปรับสูตร 40-40-20 ให้เข้ากับรายได้ ไลฟ์สไตล์ และเป้าหมายทางการเงินของคุณ เพื่อให้คุณสามารถออมเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่กดดันตัวเองมากเกินไป


5 วิธีปรับสูตร 40-40-20 ให้เหมาะกับตัวคุณ

1. วิเคราะห์รายรับและรายจ่ายของตัวเอง

ก่อนจะปรับสูตร คุณต้องรู้ก่อนว่ารายได้และค่าใช้จ่ายของคุณเป็นอย่างไร

จดบันทึกรายรับ – เงินเดือน รายได้เสริม หรือรายได้จากแหล่งอื่น ๆ
แยกประเภทค่าใช้จ่าย – ค่าใช้จ่ายประจำ (ค่าที่พัก ค่าน้ำ-ไฟ) ค่าใช้จ่ายผันแปร (อาหาร ความบันเทิง) และค่าใช้จ่ายที่ตัดได้ (ของฟุ่มเฟือย)

🔹 หากคุณพบว่าค่าใช้จ่ายจำเป็นเกิน 40% ของรายได้ คุณอาจต้องปรับสูตร เช่น 50-30-20 หรือ 45-35-20
🔹 หากคุณมีรายได้สูงและมีค่าใช้จ่ายจำเป็นต่ำ คุณสามารถเพิ่มสัดส่วนเงินออมเป็น 30-50-20 หรือ 40-50-10


2. ปรับสัดส่วนให้เข้ากับรายได้ของคุณ

🔹 ผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 15,000 บาท

  • ค่าใช้จ่ายจำเป็นอาจสูงขึ้น แนะนำใช้สูตร 50-30-20 (50% ค่าใช้จ่าย, 30% ออม/ลงทุน, 20% ใช้จ่ายส่วนตัว)
  • เน้นเก็บเงินสำรองก่อนการลงทุน

🔹 ผู้ที่มีรายได้ 15,000 - 50,000 บาท

  • ใช้ 40-40-20 ได้ตามปกติ หรือปรับเป็น 35-45-20 หากต้องการเพิ่มเงินออม

🔹 ผู้ที่มีรายได้เกิน 50,000 บาท

  • สามารถใช้ 30-50-20 หรือ 30-40-30 เพื่อเน้นการลงทุนและสร้างความมั่งคั่งระยะยาว

3. ปรับตามไลฟ์สไตล์ของคุณ

🔹 ถ้าคุณมีภาระหนี้สินสูง

  • อาจต้องกันเงินไปใช้หนี้มากขึ้น เช่น 50-30-20 (50% ค่าใช้จ่าย/หนี้, 30% ออม, 20% ใช้จ่ายส่วนตัว)

🔹 ถ้าคุณต้องการอิสรภาพทางการเงินเร็วขึ้น

  • เพิ่มสัดส่วนการออม เช่น 30-50-20 หรือ 40-50-10

🔹 ถ้าคุณเป็นคนชอบใช้ชีวิตและให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์

  • ใช้สูตรที่ให้ความยืดหยุ่น เช่น 40-30-30 (30% สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวมากขึ้น)

4. ปรับเปลี่ยนตามเป้าหมายชีวิต

เป้าหมายทางการเงินของคุณคืออะไร?

🔹 อยากมีบ้านเร็วขึ้น? – เพิ่มเงินออมและลดค่าใช้จ่ายส่วนตัว
🔹 อยากลงทุนมากขึ้น? – ลดค่าใช้จ่ายจำเป็นและเพิ่มเงินลงทุน
🔹 อยากท่องเที่ยวทุกปี? – แบ่งเงินส่วนหนึ่งเป็น "กองทุนท่องเที่ยว"

การปรับสูตรขึ้นอยู่กับ เป้าหมายของคุณ และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามช่วงชีวิต


5. ใช้ระบบช่วยให้จัดการง่ายขึ้น

แยกบัญชีตามสัดส่วน – มีบัญชีใช้จ่าย, บัญชีออมเงิน, บัญชีลงทุน
ตั้งค่าโอนอัตโนมัติ – โอนเงินออมและลงทุนทันทีหลังจากได้รับเงินเดือน
ใช้แอปช่วยบริหารการเงิน เช่น Piggipo, Money Lover, Wallet เพื่อช่วยติดตามค่าใช้จ่าย


ตัวอย่างการปรับสูตร 40-40-20 สำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ

💼 มนุษย์เงินเดือนรายได้ 25,000 บาท
📌 ใช้สูตร 40-40-20

  • ค่าใช้จ่ายจำเป็น: 10,000 บาท
  • เงินออมและลงทุน: 10,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว: 5,000 บาท

🎓 นักศึกษาที่มีรายได้เสริม 10,000 บาท
📌 ปรับเป็น 50-30-20

  • ค่าใช้จ่ายจำเป็น: 5,000 บาท
  • เงินออม: 3,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว: 2,000 บาท

🏡 เจ้าของธุรกิจรายได้ 100,000 บาท
📌 ปรับเป็น 30-50-20

  • ค่าใช้จ่ายจำเป็น: 30,000 บาท
  • เงินออมและลงทุน: 50,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว: 20,000 บาท

สูตร 40-40-20 เป็นแนวทางที่ดีในการจัดสรรเงิน แต่ ไม่จำเป็นต้องยึดติดแบบตายตัว คุณสามารถ ปรับให้เข้ากับรายได้ ไลฟ์สไตล์ และเป้าหมายทางการเงินของตัวเอง ได้

  • วิเคราะห์รายรับ-รายจ่ายของตัวเอง
  • ปรับเปอร์เซ็นต์ตามรายได้
  • จัดสรรเงินให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์
  • ตั้งเป้าหมายทางการเงินและปรับตามช่วงชีวิต

เมื่อคุณหาสูตรที่เหมาะสมกับตัวเองได้แล้ว การออมและลงทุนจะกลายเป็นเรื่องง่าย และคุณจะสามารถสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคงได้อย่างแน่นอน




ถ้าเกิดชอบอยากสนับสนุนสามารถโอนเงินสนับสนุนได้

ผ่านทรูมันนี่ วอเล็ต เบอร์ 094-758-3426



ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่านบทความนี้ ถ้าอยากติชมสามารถเขียนที่ความคิดเห็นได้เลยครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เคล็ดลับซ่อมกระเป๋าเบื้องต้น แก้ไขปัญหายอดฮิตด้วยตัวเองง่ายๆ

ทำไมการขุดคลองระหว่างทะเลถึงสำคัญกับการพัฒนาการขนส่งโลก?

โครงสร้างการแบ่งอำนาจในสหรัฐอเมริกา: ความสำคัญของสามเสาหลักการปกครอง